วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ประวัตินักวิทยาศาสตร์โลก

ประวัตินักวิทยาศาสตร์โลก

          เนื่องในวันวิทยาศาสตร์ มาทำความรู้จักประวัติ 10 นักวิทยาศาสตร์ของโลก ผู้มีส่วนเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ สิ่งในโลกใบนี้

10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก

          นักวิทยาศาสตร์ในโลกนี้มีมากมาย แต่มีไม่กี่คนนักหรอกที่ประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และสร้างความเปลี่ยนแปลงจนคนรุ่นหลังต้องขอบคุณสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือจากผลงาน หลาย ๆ คนก็อาจต้องเสียสละหรือผ่านความยากลำบากมาก่อนโดยที่เราไม่คาดคิด ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จ 10 คนมาฝากกัน ...ตามมาอ่านเรื่องราวของพวกเขากันเลย

10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
1. เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
 
          แน่นอนว่าในบรรดานักวิทยาศาสตร์เก่ง ๆ จะขาดนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษอย่าง เซอร์ไอแซก นิวตัน ไม่ได้เด็ดขาด โดย เซอร์ไอแซก นิวตัน เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) และเสียชีวิตลงขณะอายุ 85 ปี ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 หรือ พ.ศ. 2270 (ตามปฏิทินจูเลียนของ จูเลียส ซีซาร์) ซึ่งเขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งรอบด้านทั้งในฐานะนักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญา นักเล่นแร่แปรธาตุ และนักเทววิทยา โดยผลงานเด่นที่สุดของเขาที่คนรู้จักกันดีที่สุดก็คือ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและกฎแรงโน้มถ่วงสากล ที่เขาคิดขึ้นมาได้จากการสังเกตผลแอปเปิลที่ตกจากต้นนั่นเอง
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

2. หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) 
 
          หลุยส์ ปาสเตอร์ เป็นนักเคมีและนักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1822 (พ.ศ. 2365) และเสียชีวิตลงในวัย 72 ปี เมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) ซึ่งเขาคนนี้ถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยชีวิตผู้คนมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นผู้คิดค้นวิธีรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคพิษสุนัขบ้าและโรคแอนแทรกซ์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น จากการคิดค้นวิธีพาสเจอร์ไรส์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและถนอมอาหารให้เก็บได้นานขึ้นอีกด้วย
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

3. กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
 
          นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่" คนนี้ เกิดที่ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 (พ.ศ. 2107) และมีชีวิตอยู่จนอายุ 77 ปี จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) โดยเขาเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์ยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง ด้วยการยึดมั่นในทฤษฎีของตัวเองว่าดาวเคราะห์เป็นฝ่ายหมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งขัดกับความเชื่อของชาวคริสต์ในสมัยก่อนที่สนับสนุนทฤษฎีของอริสโตเติล ที่เชื่อว่าพระอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นฝ่ายหมุนรอบโลก จนทำให้เขาถูกห้ามไม่ให้สอนนักเรียนของเขาเกี่ยวกับทฤษฎีนี้อีก มิฉะนั้นจะถูกจับเผาทั้งเป็น เขาจึงได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและพิสูจน์ว่าทฤษฎีของเขาเป็นความจริงในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

4. มารี กูรี (Marie Curie)
 
          มารี กูรี เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 (พ.ศ. 2410) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1934 (พ.ศ. 2477) ในวัย 66 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งแห่งยุคคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะในขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคสมัยของเธอไม่ได้รับการศึกษาหรือโอกาส เท่าเทียมกับผู้ชายนัก เธอกลับมุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าจนกระทั่งค้นพบรังสีเรเดียมที่สามารถยับยั้งการขยายตัวของโรคมะเร็งได้ในที่สุด จนเป็นผลให้เธอได้รับรางวัลโนเบล 

          ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากความเฉลียวฉลาดของเธอแล้ว การอุทิศตัวให้สังคมของเธอก็ยังทำให้หลาย ๆ คนประทับใจอีกด้วย เพราะเธอเลือกที่จะไม่จดสิทธิบัตรสิ่งที่เธอค้นพบซึ่งจะทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีได้สบาย ๆ แต่กลับเลือกอุทิศตัวเพื่อส่วนรวมและค้นคว้าต่อไปจนกระทั่งเสียชีวิตจากการใกล้ชิดรังสีเรเดียมมากเกินไปในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
5. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
 
        คงไม่มีใครไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวซึ่งเกิดเมื่อวัน ที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 (พ.ศ. 2422) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ในขณะที่มีอายุ 78 ปี คนนี้ ซึ่งถึงแม้เขาจะเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ที่จริงแล้วเขาเคยเป็นเด็กที่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้มาก่อน โดยเขาไม่สามารถพูดได้จนกระทั่งอายุ 3 ขวบ และอ่านหนังสือออกเมื่อ 8 ขวบ จนไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จได้มากขนาดที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ รวมถึงสร้างทฤษฎีใหม่ ๆ มากมาย 

          โดยเฉพาะผลงานเด่น เช่น ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่อธิบายว่าเราทุกคนจะมองเห็นอัตราความเร็วแสงได้ในระยะเท่ากัน และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปซึ่งเป็นทฤษฎีที่อธิบายกฎแรงโน้มถ่วงในเชิงเรขาคณิต ซึ่งทำให้นักวิชาการหลายคนจับตามองจนได้รับรางวัลโนเบลในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
6. ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Robert Darwin)
 
          ชาลส์ ดาร์วิน เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 (พ.ศ. 2352) และเสียชีวิตลงในวัย 73 ปี ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1882 (พ.ศ. 2425) ซึ่งจนกระทั่งยุคปัจจุบัน ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติคนนี้คิดค้นขึ้นก็งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะมีทั้งคนที่ยอมรับและโต้แย้งในเวลาเดียวกัน โดยดาร์วินได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งอ้างว่าสัตว์ทั้งหลายจะปรับสภาพร่างกายเพื่อให้เข้ากับการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมทำให้มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวิวัฒนาการ ซึ่งแม้ในปัจจุบันเขาจะได้รับยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังมีผู้ที่ปฏิเสธแนวคิดของเขาเช่นกัน
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
7. โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
 
          เชื่อเถอะว่าในบ้านของเราต้องมีสิ่งประดิษฐ์ของโทมัส อัลวา เอดิสัน กันทุกคนแน่นอน เพราะนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847 (พ.ศ. 2390) และเสียชีวิตในวัย 84 ปี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1931 (พ.ศ. 2474) คนนี้ เป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันกว่า 1,000 ชิ้น โดยเฉพาะการคิดค้นหลอดไฟที่เป็นผลงานชิ้นเอก แม้ว่าเขาจะมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ทำให้อ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งอายุ 12 ปี และบกพร่องเรื่องการฟังหลังประสบอุบัติเหตุบนรถไฟก็ตาม 
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
8. นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)

          
นิโคลา เทสลา เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโครเอเชียสัญชาติอเมริกัน ที่เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1856 (พ.ศ. 2399) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) ในขณะที่มีอายุ 86 ปี โดยมีฉายาว่า"นักประดิษฐ์ที่โลกลืม" เพราะเป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญแต่กลับมีน้อยคนที่รู้จัก หรือถูกรู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์เพี้ยนจากการที่เขามีปัญหาในการเข้าสังคม มากกว่าจะสนใจผลงานของเขาที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คนอื่น ๆ ซึ่งเขาเป็นผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา หรือ Tesla coil ซึ่งเป็นหม้อแปลงที่สามารถสร้างแรงดันไฟฟ้าสูง แถมยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา อีกทั้งยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สายอีกด้วย

10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
9. กูกลิเอลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi)
 
          นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งเกิดเมื่อวันที่  25 เมษายน ค.ศ. 1874 (พ.ศ. 2417) และเสียชีวิตลงในขณะอายุ 63 ปี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) คนนี้ คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตวิทยุคนแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กูกลิเอลโม มาร์โคนี ก็ได้ฉายแววความฉลาดมาตั้งแต่เด็กจากการสนใจเรื่องไฟฟ้าอยู่เสมอ จนพ่อของเขาสนับสนุนด้วยการจ้างครูพิเศษมาสอนเรื่องไฟฟ้าให้กับเขาโดยเฉพาะ และจากความสำเร็จของผลงานชิ้นสำคัญนี้ก็ได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเศรษฐีจากการเปิดบริษัทวิทยุโทรเลขมาร์โคนีในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

10. อริสโตเติล (Aristotle)
 
          สุดท้ายนี้คือคนที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกในยุคสมัยเริ่มแรกของวิทยาศาสตร์อย่างนักวิทยาศาตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 384-322 ปีก่อนคริสต์ศักราชอย่าง อริสโตเติล นั่นเอง ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้านในหลายสาขา เช่น ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ วรรณกรรม และชีววิทยา 

          ไหวพริบของอริสโตเติลนั้นทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของอัจฉริยะ อย่างเพลโต ตั้งแต่อยู่ในวัย 18 ปี โดยผลงานที่เด่นที่สุดของเขาเห็นจะเป็นด้านชีววิทยา ซึ่งเขาเป็นผู้จำแนกประเภทของสัตว์ตามลักษณะออกเป็น 2 ประเภท คือ พวกที่มีกระดูกสันหลังและพวกที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ทำให้ผู้คนนับถือความสามารถจนได้เป็นพระอาจารย์และพระสหายสนิทของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
 
          หลังจากได้ทราบเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกทั้ง 10 คนนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าความพยายามและความขยันนั้นสำคัญกว่าโอกาสที่ได้รับจริง ๆ เพราะแม้ว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนจะมีความบกพร่องทางร่างกายหรือถูกกีดกันด้านความคิด แต่ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับได้ในที่สุด
ที่มา: Kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ทายสิตัวนี้ชื่ออะไร มารู้จักกับ 10 ชื่อสัตว์ในเขาดินกัน

ทายสิตัวนี้ชื่ออะไร มารู้จักกับ 10 ชื่อสัตว์ในเขาดินกัน



          หลังจากที่เราเคยนำเสนอสัตว์ดาวเด่นในเขาดินไปแล้ว คราวนี้ก็อยากให้ได้ไปทำความรู้จักกับสัตว์ชนิดอื่น ๆ ในเขาดินกันบ้างค่ะ เพราะในเขาดินมีสัตว์มากกว่า 700 ชนิด และมากกว่า 1,000 ตัว โอ้โห...เยอะไม่ใช่เล่นเลยค่ะ ไหน ๆ ลองนับสิว่าเรารู้จักกันกี่ตัว ถ้าใครได้อ่านเรื่อง 8 สัตว์ดาวเด่นแห่งเขาดิน อย่างน้อย ๆ ก็รู้จักมา 8 ตัวแล้วเนอะ งั้นมาทำความรู้จักเพิ่มอีกสัก 10 ตัวดีกว่า แต่จะบอกชนิดไปเลยก็ดูจะธรรมดาไป มาลองทายชื่อกันดูไหม ว่าชื่อต่อไปนี้เป็นสัตว์ชนิดไหน ลองโยงกันดูสิ ^^


                                        1. พังจิ๋ม                                   1. สิงโตขาว
                                        2. มึน                                       2. จระเข้
                                        3. ตาหวาน                                3. ลิงแสม
                                        4. ซันไรส์                                  4. ช้าง
                                        5. ฮันนี่                                     5. นกเงือก
                                        6. โตโน่                                    6. ยีราฟ
                                        7. แตงกวา                                 7. ม้าลาย
                                        8. ยักษ์                                     8. คาปิบารา
                                        9. สมศรี                                    9. หมีหมา 
                                        10. บุ้งกี๋                                   10. เสือโคร่ง 

สัตว์ในเขาดิน
          เอาละค่ะ มาดูเฉลยกันดีกว่า ไล่ไปทีละตัวเลยนะคะ พร้อมกับทำความรู้จักกับสัตว์แต่ละตัวไปด้วย แล้วมานับคะแนนกันสิ ว่าตอบถูกกี่ข้อกันบ้าง 

1. พังจิ๋ม : ช้าง 

พังจิ๋ม
          เป็นชื่อแรก ๆ ที่ทายถูกเลยใช่ไหมคะ เพราะสามารถเดาได้จากคำนำหน้าชื่อคือ "พัง" ซึ่งเราจะใช้เรียกช้างตัวเมีย และแน่นอนว่าพังจิ๋มเป็นช้างเพศเมียค่ะ เกิดเมื่อปี 2524 ปัจจุบันก็อายุ 37 ปีแล้ว พี่พนักงานที่ดูแลบอกว่าพังจิ๋มจะเป็นช้างที่เลี้ยงง่าย เชื่อฟังคนเลี้ยง สุภาพ 

พังจิ๋ม

พังจิ๋ม

          อาหารโปรดก็คือหญ้าสดและกล้วยน้ำว้า ให้ทายว่าใน 1 วันพี่พังจิ๋มกินหญ้ากี่กิโลกรัม และกล้วยน้ำว้ากี่หวี ติ๊กต่อก ๆๆ… เฉลยค่ะ ใน 1 วันพังจิ๋มจะกินหญ้าสดมากถึง 120 กิโลกรัม และกล้วยน้ำว้ามากกว่า 10 หวี นี่ยังไม่รวมมันเทศและผลไม้ตามฤดูกาลอีกนะคะ ที่จะกินรวม ๆ กันอีกมากกว่า 10 กิโลกรัม โอย กินเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นคน น้องไม่เลี้ยงพี่พังจิ๋มนะจ๊ะ กินจุเหลือเกิน 

2. มึน : หมีหมา 

มึน หมีหมา
          สัตว์อะไรจะชื่อมึน แล้วทำไมต้องชื่อมึน นี่ไล่ตามหาสัตว์ที่ชื่อมึนจนมึนไปแล้วเหมือนกันค่ะ T^T และยิ่งมึนขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าชื่อมึนนี้เป็นชื่อของหมีหมา โถ...พ่อคุณ ไปทำอีท่าไหน ทำไมใคร ๆ ถึงเรียกว่า “มึน” ถามพี่ ๆ ที่ดูแลก็ได้คำตอบมาว่าพี่มึนเนี่ย เวลาเรียกให้กินอาหาร หรือเรียกเข้าส่วนจัดแสดงด้านหลัง จะชอบทำเป็นไม่สนใจ ทำหน้ามึน ๆ กวน ๆ ใส่พี่พนักงานที่ดูแล เรียกครั้งที่หนึ่งก็ยังมึนใส่ เรียกครั้งที่สองก็แล้ว ครั้งที่สามก็แล้ว อะ...งั้นเอาไปเลย ชื่อเจ้ามึน ฮ่า ๆๆ 

มึน หมีหมา

มึน หมีหมา

          พี่มึนของเราเป็นหมีหมา ซึ่งเป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนเรียบสั้นสีดำ สังเกตที่ตรงหน้าอกจะมีขนสีขาวอมเหลือง เป็นรูปตัวยูค่ะ เล็บก็ยาว ลิ้นก็ยาว พี่แกจะชอบกินกล้วยน้ำว้า ไข่ต้ม น่องไก่ต้ม ผลไม้ตามฤดูกาล แล้วก็ยังชอบกินโยเกิร์ตและน้ำแดงด้วยนะ วันไหนที่อากาศร้อนจัด ๆ ถ้าพี่มึนได้กิน 2 อย่างนี้ เป็นนอนฟินไปเลย ^^ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมการให้อาหารหมีได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 14.15 น. 

3. ตาหวาน : ยีราฟ

ตาหวาน ยีราฟ

          ถ้าให้เดาชื่อเฉย ๆ ก็คงเดาไม่ถูกจริง ๆ ค่ะสำหรับชื่อนี้ แต่ถ้ามีรูปมาให้ดูด้วย บอกเลยว่าอาจจะเดาถูกแน่นอน เพราะยีราฟตัวนี้มีดวงตาสวยหวานหยาดเยิ้มจริง ๆ พี่ ๆ พนักงานที่ดูแลก็เลยตั้งชื่อว่า ตาหวาน ให้เสียเลย

ตาหวาน ยีราฟ
ตาหวาน ยีราฟ

          ทีนี้ที่เขาดินจะมียีราฟ 2 ตัว เอ้า...ถ้ามองที่ดวงตาไม่ออก จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนตาหวาน ก็ให้ลองสังเกตเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ ตาหวานจะมีสีอ่อนกว่า และตัวเล็กกว่าอีกตัว ดูไม่ยากเลย ตอนนี้น้องตาหวานอายุ 16 ปีแล้ว เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2545 พี่พนักงานที่ดูแลตาหวานเล่าให้ฟังว่าตาหวานจะนิสัยน่ารักมาก พูดจารู้เรื่อง ไม่ดื้อ ไม่ซน บอกให้หลบหรือหลีก ก็ทำตามอย่างว่าง่าย กินอาหารอย่างสุภาพ และชอบกินใบมะขามและใบมะเดื่อ ถ้าแขวนไว้ให้แป๊บเดียวก็กินหมด นอกจากนี้ก็ยังชอบกินกล้วยและแครอตด้วย แหม...ดูแต่ละอย่างที่น้องตาหวานกินสิ อาหารสุขภาพทั้งนั้นเลย 

          อ้อ ถ้าใครอยากลองให้อาหารตาหวานและเพื่อนซี้อย่างใกล้ชิด ที่เขาดินก็มีการจัดกิจกรรมให้อาหารยีราฟในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2 รอบ คือ เวลา 11.30 และ 14.30 น.  

4. ซันไรส์ : ม้าลาย 


ซันไรส์ ม้าลาย
          ก่อนจะไปถึงเรื่องชื่อ หลายคนอาจจะงงว่าในเขาดินมีม้าลายด้วยหรือ ใช่ค่ะ มีตั้ง 3 ตัว ไม่ต้องไปไกลถึงแอฟริกาก็สามารถเห็นม้าลายกันได้อย่างใกล้ชิด อยู่ในโซนเดียวกับยีราฟ ภายในเขาดินนี่เลย 

ซันไรส์ ม้าลาย

ซันไรส์ ม้าลาย

          พอพูดถึงเรื่องชื่อ ให้เดาอย่างไรก็ไม่มีวันถูก ให้ตายเถอะ...ม้าลายอะไรทำไมชื่อซันไรส์ ไม่เห็นมีอะไรที่บ่งบอกได้เลยว่าเป็นม้าลาย แต่ก็นั่นล่ะคุณผู้ชม อะไรก็เป็นไปได้ แล้วม้าลาย 3 ตัวนี้ ตัวไหนกันนะที่ชื่อซันไรส์ ให้ดูตัวที่เล็กที่สุดค่ะ ตัวนี้เป็นลูก อีก 2 ตัว คือพ่อกับแม่ ที่ชื่อซันไรส์ ก็เพราะว่าน้องเกิดตอนเช้าที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นค่ะ พี่พนักงานที่ดูแลก็เลยให้ชื่อว่า "ซันไรส์" 

          ใครมาเยี่ยมเยือนน้องซันไรส์แล้วเห็นน้องเดินตัวติดแม่ตลอด นั่นก็เป็นเพราะว่าน้องยังไม่หย่านมค่ะ น้องซันไรส์เพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 อายุก็ประมาณ 8 เดือน ซึ่งตามธรรมชาติแล้วลูกม้าลายจะหย่านมแม่เมื่ออายุประมาณ 7-11 เดือนค่ะ ให้เวลาน้องอีกนิด เดี๋ยวน้องก็โตเป็นสาวแล้ว ^^  

5. ฮันนี่ : เสือโคร่ง 

ฮันนี่ เสือโคร่ง
          นี่ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม เสือโคร่งที่ดูดุร้ายนี่ชื่อฮันนี่จริง ๆ หรือ โอ๊ย...แบบนี้ให้ทายอีกสิบรอบก็ไม่ถูกค่ะ Y^Y พี่เล่นมาชื่อหวานขนาดนี้ คิดไม่ถึงจริง ๆ แต่ก็พอเดาได้นะคะว่าฮันนี่จะต้องเป็นเสือเพศเมีย (ถ้าทายว่าเป็นเพศผู้ก็บ้าแล้ว ฮ่า ๆๆ) 

ฮันนี่ เสือโคร่ง

ฮันนี่ เสือโคร่ง

          ตามประวัติของฮันนี่บอกไว้ว่าเธอเป็นเสือโคร่งสาวน้อยที่มาจากสวนสัตว์ลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 ปัจจุบันก็อายุ 15 ปีพอดี ทำบัตรประชาชนได้แล้วนะเนี่ย ^^ สีสันและลวดลายบนตัวก็สวยงาม เวลาน้องเดินไปมา ก็ชมกันเพลินเลยค่ะ ตอนนี้น้องฮันนี่อยู่ในส่วนจัดแสดงเดียวกับน้องหมุ่ยมุ้ย เสือโคร่งหนุ่มน้อยอีกตัวที่อายุก็ไล่เลี่ยกัน หมุ่ยมุ้ยเกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2547 อีกไม่กี่วันก็อายุครบ 14 แล้ว ใครอยากเห็นความหวานซ่อนเปรี้ยวของฮันนี่ก็มาเยี่ยมชมกันได้ที่ส่วนจัดแสดงเสือเลยค่ะ


6. โตโน่ : สิงโตขาว 

โตโน่ สิงโตขาว
          นั่นแน่ ! ได้ยินชื่อโตโน่ หลายคนคงนึกถึงหน้าของ คุณโตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ลอยขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ เดาว่าสัตว์ตัวนี้จะต้องหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้กัน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย เพราะนี่เป็นชื่อของสิงโตขาวเชียวล่ะ พี่ ๆ พนักงานที่ดูแลเล่าว่า เพราะตอนที่น้องเกิดคุณโตโน่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ แล้วรูปลักษณ์ของน้องก็ดูหล่อน่ารัก ก็เลยตั้งชื่อว่าโตโน่ค่ะ 

โตโน่ สิงโตขาว

โตโน่ สิงโตขาว

          บางคนอาจจะสงสัยว่าสิงโตทั่วไปมันสีน้ำตาลอ่อนนี่นา แล้วทำไมโตโน่ถึงมีสีขาว นั่นก็เป็นเพราะว่าเขามีภาวะพร่องเม็ดสี (Leucism) ก็เลยทำให้สีซีดลง ขนสีน้ำตาลจะอ่อนจนเกือบขาวเลยค่ะ แต่บริเวณในตาและหนังก็ยังมีเม็ดสีปกตินะคะ 

          โตโน่ เป็นสิงโตขาวเพศผู้ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 อายุแค่ 4 ปีเองค่ะ ย้ายมาจากสวนสัตว์อุบลราชธานี มาอยู่ที่เขาดินพร้อม ๆ กับ "กอบัว" สิงโตขาวเพศเมียอีกตัว ที่อยู่ในส่วนจัดแสดงเดียวกัน โตโน่จะมีสีเข้มกว่ากอบัว แล้วก็มีรอยย่นที่หน้าผาก สังเกตไม่ยาก 

7. แตงกวา : คาปิบารา

แตงกวา คาปิบารา
          บางคนอาจจะทายชื่อนี้กันถูก เพราะถ้าดูจากลักษณะการกินของคาปิบารา หรือหนูยักษ์ ก็จะชอบกัดแทะอาหารพวกแตงกวา แครอต และข้าวโพด ซึ่งแน่นอนว่าคาปิบาราตัวนี้ก็ชอบกินแตงกวาค่ะ เลยได้ชื่อนี้มาแบบเก๋ ๆ ปัจจุบันแตงกวาจะอยู่ในส่วนจัดแสดงคาปิบาราใกล้ ๆ กับโรงช้างต้น อยู่ในส่วนเดียวกันกับคาปิบาราเพศเมียอีกตัวที่ชื่อว่า ส้มโอ ค่ะ    

แตงกวา คาปิบารา

          แตงกวา เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 ย้ายมาจากสวนสัตว์ขอนแก่น เป็นเพศผู้ มีฟันแทะใหญ่ ๆ รูปร่างก็จะคล้ายกับหนูตะเภา แต่เป็นหนูตะเภาที่ตัวใหญ่มาก จุดสังเกตว่าตัวไหนคือแตงกวา ให้ดูที่ขนค่ะ ขนของแตงกวาจะสีออกขาวกว่าส้มโอ มีแผลเป็นที่ขมับขวาเล็กน้อย พี่พนักงานที่ดูแลแตงกวาบอกว่านอกจากชอบกินแตงกวาแล้ว ก็ยังชอบกินข้าวโพดด้วย ถ้าวันไหนในถาดอาหารมีข้าวโพดจัดเสิร์ฟมาจะรีบวิ่งแย่งไปกินข้าวโพดก่อนเลย ก็มันหวานอร่อยนี่เนอะ ก็ต้องอยากกินเยอะ ๆ เป็นธรรมดา แล้วแตงกวาจะชอบนอนในที่ชื้น ๆ ยิ่งวันไหนถ้าอากาศร้อน ก็ยิ่งลงเล่นน้ำในบ่อบ่อยมาก ถ้าได้ยินเสียงอะไรดัง ๆ ก็จะวิ่งลงไปหลบในน้ำก่อนเลย นึกภาพหนูยักษ์ตัวอ้วน ๆ ขาสั้น ๆ วิ่งดุ๊ก ๆ ลงน้ำนะคะ น่าเอ็นดูขนาดไหน ถามใจเธอดู :) 

8. ยักษ์ : จระเข้ 

ยักษ์ จระเข้
          เหลืออีกไม่กี่ชื่อก็พอเดากันได้ใช่ไหมคะ สมแล้วจริง ๆ สำหรับจระเข้ตัวนี้ที่ชื่อพี่ยักษ์ ใหญ่สมชื่อเขาล่ะ พี่พนักงานที่ดูแลพี่ยักษ์เล่าว่าตอนที่พี่ยักษ์เกิด ตัวเล็กนิดเดียวค่ะ แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ก็เลยให้ชื่อยักษ์ไปเสียเลย 

ยักษ์ จระเข้

          พี่ยักษ์เป็นจระเข้น้ำเค็ม นิสัยน่ารัก เชื่อฟังพี่ ๆ พนักงานที่ดูแล เวลาที่จะต้องทำความสะอาดบ่อ ก็จะต้องไล่ต้อนให้ขึ้นไปอยู่บนบก พี่ยักษ์ก็เชื่อฟังค่ะ บางครั้งนี่ถึงขนาดว่าขึ้นไปนอนรอเองเลย ไม่ต้องไล่ต้อนกันเลย พอขึ้นไปบนบกได้ก็จะนอนอาบแดดนิ่ง ๆ สบาย ๆ รับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าของแกไป ไม่ลงมากวนใจพี่ ๆ พนักงานที่ทำความสะอาดบ่อ ใน 1 สัปดาห์ พี่ยักษ์ก็จะกินเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าอิ่มก็จะไม่กินต่อ อิ่มแล้วอิ่มเลย แล้วก็อิ่มยาวไปจนถึงอีกอาทิตย์นู่น ว่าแล้วทำไมพี่แกถึงได้หุ่นดี ดูหล่อสมาร์ตขนาดนี้ :) 

          อ้อ...อยากฝากไว้สักนิดค่ะ ว่าถ้าไปเที่ยวเยี่ยมชมพี่ยักษ์ อย่าโยนเหรียญเข้าไปที่บ้านของพี่ยักษ์นะคะ เพราะถ้าพี่ยักษ์กินเหรียญเข้าไป พี่ยักษ์อาจจะตายได้เลย เพราะกระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยเหรียญได้ ทำให้ท้องอืด ถ้ารักพี่ยักษ์ก็อย่าทำร้ายเขานะ 

9. คุณสมศรี : ลิงแสมทรงเลี้ยง 

สมศรี ลิงแสมทรงเลี้ยง
          ชื่อไพเราะสมกับเป็นลิงแสมทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จริง ๆ ค่ะสำหรับคุณสมศรี ต้องเล่าถึงที่มาที่ไปกันสักนิด ถึงการที่คุณสมศรีได้ไปเป็นลิงแสมทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2541 พระองค์ได้ทรงอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับลิงแสมเคราะห์ร้ายที่อาศัยอยู่แถวบางขุนเทียน มือของลิงแสมตัวนี้ติดกับกะลามะพร้าว ไม่สามารถเอามือออกได้ ทำให้หากินในธรรมชาติลำบาก และยังโดนลิงตัวอื่น ๆ กลั่นแกล้งจนเข้าฝูงไม่ได้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ ไปช่วยและนำมาผ่าตัดรักษา 

สมศรี ลิงแสมทรงเลี้ยง

สมศรี ลิงแสมทรงเลี้ยง

          แต่ด้วยความที่มือของลิงอักเสบมานานทำให้คลายออกไม่ได้ และนั่นก็อาจทำให้ลิงแสมตัวนี้เข้าฝูงไม่ได้เหมือนเดิม พระองค์จึงทรงรับเลี้ยงไว้ในสวนจิตรลดา และเรียกว่า คุณกะลา ต่อมาพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สวนสัตว์ดุสิตจัดส่งลิงแสมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณกะลา ซึ่งขณะนั้นก็มีลูกลิงแสมเพศผู้และเพศเมียอยู่คู่หนึ่งที่ชาวบ้านนำมามอบให้ทางสวนสัตว์ดุสิต ทางสวนสัตว์จึงได้ส่งลิงแสมคู่นี้ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณกะลา และพระองค์ทรงเรียกลิงแสมเพศผู้ว่า "สมศักดิ์" ส่วนเพศเมียทรงเรียกว่า "สมศรี" ทั้งคู่จึงได้เป็นลิงแสมทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

          และหลังจากคุณกะลาได้เสียชีวิต คุณสมศักดิ์และคุณสมศรีก็ได้กลับมาอยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ดุสิต นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมคุณสมศรีและคุณสมศักดิ์กันได้ในส่วนจัดแสดงลิง ค่าง ค่ะ 

10. บุ้งกี๋ : นกเงือก

บุ้งกี้ นกเงือก

บุ้งกี้ นกเงือก
          มาถึงตัวสุดท้ายก็คิดไม่ถึงเหมือนกันค่ะ ว่าภารกิจทายชื่อสัตว์จะยากขนาดนี้ ก็ใครจะไปคิดว่านกเงือกจะชื่อบุ้งกี๋กันล่ะ แล้วดูลักษณะสิ มีตรงไหนที่เหมือนบุ้งกี๋ที่เอาไว้ตักดินไหม 555+ (ใต้เลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่) ที่คล้ายคงอย่างเดียวก็คือสีขนที่ดำมืดเหมือนกันเชียว ^^ 

บุ้งกี้ นกเงือก

          พี่ที่ดูแลบุ้งกี๋เล่าให้ฟังว่าบุ้งกี๋เป็นนกเงือกที่มาจากป่าทางฝั่งประเทศเมียนมา มีคนไปเจอแล้วเอามาให้กับเถ้าแก่คนไทย ต่อมาเถ้าแก่ท่านนี้ก็ได้พาบุ้งกี๋มามอบให้กับสวนสัตว์ดุสิต บุ้งกี๋เป็นนกเงือกกรามช้าง (Wreathed Hornbill) เพศเมีย หัวและคอจะมีสีดำ ถุงใต้คอจะเป็นสีฟ้าและมีขีดดำ เห็นแบบนี้เป็นนกที่ปากสะอาดมากนะคะ เพราะโดยปกติตามธรรมชาตินกเงือกจะใช้กิ่งไม้ในการทำความสะอาดปาก แต่พอเข้ามาในความดูแลของสวนสัตว์ดุสิต พี่ ๆ ที่ดูแลบุ้งกี๋อยู่ก็ต้องช่วยบุ้งกี๋ทำความสะอาดบ้างค่ะ โดยใช้แปรงสีฟันค่อย ๆ ขัดถู เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 

          ถ้าอยากชมนกเงือกกรามช้างสวย ๆ อย่างใกล้ชิด ก็แวะไปหาบุ้งกี๋กันได้ที่ส่วนจัดแสดงไก่ฟ้า-นกยูง สวนสัตว์ดุสิตค่ะ 
ที่มา: Kapook

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ฟ้าหลังฝน ! หมาปอมฯ ถูกทิ้งเพราะขายไม่ออก กลายเป็นซุปตาร์ที่มีแต่คนเอ็นดู

ฟ้าหลังฝน ! หมาปอมฯ ถูกทิ้งเพราะขายไม่ออก กลายเป็นซุปตาร์ที่มีแต่คนเอ็นดู


          ชีวิตของหมาน้อยพันธุ์ปอมเมอเรเนียนที่ถูกทอดทิ้งตั้งแต่ 5 เดือน เพราะตัวใหญ่เกินไปที่จะนำมาขาย แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นน้องหมาซุปตาร์ดาวเด่นประจำแกลลอรี่ศิลปะในเมืองนิวยอร์ก
          ถึงแม้บางชีวิตจะเริ่มต้นอย่างไม่สวยงามมากนัก แต่ใครเล่าจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วอาจจะแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนดั่งในละครไทยก็เป็นได้ โดยเราขอยกตัวอย่างเรื่องราวของ Bert หมาน้อยพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสีช็อกโกแลตผู้มีเรื่องราวชีวิตสุดดราม่า ซึ่งถูกทิ้งทั้ง ๆ ที่มีอายุแค่ 5 เดือน เพียงเพราะคนที่ผสมพันธุ์ขายเห็นว่าตัวของมันมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่น่าจะขายออกได้ ทว่าหารู้ไม่ว่าคนผสมพันธุ์ขายได้ทำพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากในปัจจุบันเจ้าตูบตัวนี้ได้กลายเป็นซุปตาร์ผู้โด่งดังและเป็นมาสคอตประจำแกลลอรี่ศิลปะไปแล้ว

          โดยที่มาที่ไปของจุดเปลี่ยนในชีวิตของเจ้าตูบตัวนี้เริ่มมาจาก เคธี เกรย์สัน (Kathy Grayson) เจ้าของแกลลอรี่ เดอะ โฮล The Hole ในนิวยอร์ก ได้พบเห็นเจ้าเบิรท์ (Bert) ผ่านทางเว็บไซต์หาบ้านให้สัตว์ที่มีชื่อว่า PetFinder ซึ่งเพียงแค่ได้มองเห็นแววตาของเจ้าตูบน้อยตัวนี้เท่านั้น ก็ทำให้เธอตัดสินใจบินข้ามรัฐไปที่เมืองเล็ก ๆ ในทัลซา (Tulsa) รัฐโอคลาโฮมา เพื่อรับมันมาเลี้ยงดูทันที โดยต้องบอกเลยว่าเดิมทีเจ้าเบิรท์ก็เป็นที่รักของผู้คนในศูนย์ดูแลอยู่แล้วเหมือนกัน เพราะตอนที่เคธีไปรับมา เจ้าหน้าที่ก็รู้สึกเสียดายกันยกใหญ่เลยทีเดียว

          ซึ่งหลังจากที่รับเจ้าหมาปอมเมอเรเนียนตัวใหญ่ ขนปุย จนแลดูคล้ายหมีน้อยตัวนี้มาเลี้ยงแล้ว เธอก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่าเบิรท์แทรม (Bertram) หรือที่รู้จักกันในนาม เบอตี้ เบิร์ท  (Bertie Bert) พร้อมพามันไปทำงานที่แกลลอรี่กับเธอด้วยทุกวัน โดยเจ้าเบิร์ท ก็เรียบร้อย น่ารัก ไม่เห่า และเข้ากับคนในแกลลอรี่ได้ดีมาก ๆ แถมเคธียังได้สอนให้มันรู้จักจุ๊บหรือเลียหน้าผู้คน เพื่อแลกขนมได้ด้วย เรียกได้ว่าเจ้าตูบหน้าหมีตัวนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของแกลลอรี่แห่งนี้ไปเลย เพราะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาหาอย่างไม่ขาดสาย แถมบางรายก็ยังนำน้องหมาของตัวเองเข้ามาเล่นกับเจ้าเบิร์ทอีกต่างหาก

          และนอกจากจะมีงานมีการทำแล้ว ทุกวันนี้เบิร์ทยังเป็นหมาน้อยเซเลบที่ชีวิตดี๊ดี เพราะได้ท่องเที่ยวไปทั่วตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นงานแฟร์ในนิวยอร์ก (New York) ไมอามี่ (Miami) ลอสแอนเจลิส (L.A.) หรือแม้กระทั่งแฮมป์ตันส์ (the Hamptons) รวมไปถึงคลับ ร้านอาหาร บาร์ และโรงละคร ในแคนาดา (Canada) ซีแอทเทิล (Seattle) และวอชิงตัน ดีซี (Washington, D.C.) เรียกได้ว่าชีวิตดีกว่าเราหลายคนเลยแหละ ซึ่งด้วยความน่ารักและน่าเอ็นดูนี้ เชื่อว่างานนี้น่าจะทำให้เจ้า Bert มีงานทำและชีวิตดีไปยาว ๆ เลยค่ะ

          - สวัสดีครับ ผมชื่อ Bertie Bert

          - หลายคนบอกว่าผมหน้าเหมือนหมี.. เอ๊ะ มันเหมือนตรงไหนนะ ??

          - ถ้าอารมณ์ดีมีคนมาขอมือ ผมก็ให้นะครับ ^^

          - ส่วนถ้าพูดถึงเรื่องแต่งตัว บอกเลยผมจัดเต็ม !!

          - เห็นมีคนชอบคิดว่าผมเป็นหมีแพดดิงตัน ก็เลยจัดให้สักชุด

          - เครื่องดื่มแก้วนี้ กินแล้วง่วง.. ดูสิ แค่เห็นผมนี่หาวเลย

          - จะอาบน้ำทั้งที อาบฝักบัวธรรมดาไม่มีทาง ระดับผมต้องอาบในอ่างหรู ๆ เท่านั้น

          - โพสท่าถ่ายรูปในน้ำสวย ๆ

          - ผมชอบอาบน้ำป๋อมแป๋ม

          - ทดลองเป็นหมากระเป๋าดูครับ

          - หมาจะนอน ถ่ายทำไม มองแรงแล้วนะ !!!

          - หน้าก็จะนิ่ง ๆ หน่อย

          - แต่อันนี้เรียกหลับลึก

          - เวลาเพิ่งตื่น มันก็จะสะลึมสะลือหน่อย ๆ

          - นอนชิล ๆ ในแกลลอรี่ครับ

          - สุดท้าย.. กับผลงานศิลปะอีกสักภาพ ขอตัวลาไปก่อนนะครับ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก boredpandathedodo และ bravotv
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อินสตาแกรม bertiebertthepom
ที่มา: Kapook.com